
(19 มกราคม 2567) น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานเปิดงาน “ราชภัฏแฟร์ วาไรตี้ วิถีถิ่น อันดามัน” จัดโดย มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต (PKRU) ร่วมกับ คณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต (คสม.) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 – 28 มกราคม 2567 ณ ศูนย์ประชุมอันดามันพรรณราย
มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต

เพื่อจัดหารายได้เป็นทุนการศึกษาและทุนสนับสนุนการพัฒนามหาวิทยาลัย ภายในงานมีการนำเสนอผลงานวิชาการและผลงานพัฒนาท้องถิ่นของมหาวิทยาลัย ตลอดจนการออกบูธจำหน่ายสินค้า OTOP ทั่วไทย ร่วมกับงานนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า สวนสนุก และกิจกรรมพฤกษาพาโชค โดยมี นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ผศ.ดร.หิรัญ ประสารการ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ดร.วิภาพรรณ คูสุวรรณ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัย หัวหน้าและตัวแทนส่วนราชการ ภาคเอกชน และประชาชนให้การต้อนรับ พร้อมจัดโชว์การแสดงดนตรีในเพลงมนต์รักลูกทุ่ง โดยนักศึกษาวิชาเอกศิลปะการแสดง คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต

น.ส.ศุภมาส กล่าวว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต เป็นมหาวิทยาลัยที่มีพันธกิจหลักในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นและขณะนี้ได้ทำหน้าที่เป็น อว.ส่วนหน้า จังหวัดภูเก็ต ประสานและบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานทุกภาคส่วนในจังหวัด ในการจัดงานราชภัฏแฟร์ได้รับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจากคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัย ในการสนับสนุนทุนการศึกษาแก่นักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ให้มีโอกาสศึกษาต่อ โดยร่วมกับหน่วยงานหลายภาคส่วนทั้งหน่วยงานภายในมหาวิทยาลัยและภาคีเครือข่าย

ซึ่งแนวคิดของการจัดงานครั้งนี้ ได้น้อมนำแนวพระราชดำริมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก เพื่อให้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ให้แก่พี่น้องประชาชน รวมถึงมุ่งเน้นส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด ส่งเสริมการสืบสานศิลปวัฒนธรรม และอัตลักษณ์ท้องถิ่นด้วย งานราชภัฏแฟร์นับเป็นงานใหญ่รับต้นปี 2567 ของมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ที่ผสานการนำเสนอความโดดเด่นของงานวิชาการและผลงานพัฒนาท้องถิ่นอันดามัน โดยอาจารย์และนักศึกษาร่วมกับกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวในรูปแบบมหกรรมงาน OTOP

ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชนในจังหวัดภูเก็ต จังหวัดใกล้เคียง และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยชาวต่างชาติ เข้ามาเที่ยวชมงานและเลือกซื้อสินค้าใน “ราชภัฏแฟร์” เป็นจำนวนมาก จะสามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนให้กับเศรษฐกิจฐานรากได้กว่า 30 ล้านบาท และเป็นทุนการศึกษาและทุนสนับสนุนเพื่อการพัฒนามหาวิทยาลัยสู่การพัฒนาสังคมที่ยั่งยืนต่อไป
